ประโยชน์ของ MSCs เซลล์ต้นกำเนิด ช่วยคืนวัยหนุ่มสาว
ศาสตร์ เซลล์บำบัด (Cell Therapy) ด้วย MSCs Therapy ช่วยชะลอวัยได้อย่างไร
Cell therapy (เซลล์บำบัด) คือ
Cell therapy (เซลล์บำบัด) คือ ศาสตร์ที่นำเซลล์หรือองค์ประกอบของเซลล์ ซึ่งอุดมด้วยสารอาหาร growth factor, cytokines ที่มีความสามารถในการในการซ่อมแซม ลดความเสื่อมของเซลล์ ลดการอักเสบ ลดสารอนุมูลอิสระของเนื้อเยื่อ กระตุ้นฮอร์โมน จึงเป็นที่นิยมในการชะลอวัย สามารถคืนความเป็นหนุ่มเป็นสาว ทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้น รวมถึงปัจจุบันช่วยในการรักษาโรคทางพันธุกรรม โรคเลือด และโรคที่เกิดจากความเสื่อมของเซลล์เช่น อัลไซเมอร์
Cell therapy ปัจจุบันที่นิยมจะมีทั้ง Placenta ซึ่งเป็นสารสกัดจากรกเป็นเป็ปไทด์และสเต็มเซลล์ เป็นเซลล์ที่ได้จากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อตัวอ่อน รก หรือสายสะดือ หรือที่เรียกว่า MSCs เซลล์ต้นกำเนิด มีศักยภาพสูงในการฟื้นฟูร่างกายและชะลอวัย นิยมฉีดเข้าใบหน้าเพื่อลดริ้วรอย เพิ่มคอลลาเจน ฉีดเข้าข้อเข่าเพื่อลดอาการปวดเข่า ลดข้อเข่าอักเสบ ฉีดเข้าสะโพกและเส้นเลือดเข้าสู่ร่างกายเพื่อฟื้นฟูทั้งร่างกาย
MSCs therapy คืออะไร
MSCs therapy หรือการบำบัดด้วยสเต็มเซลล์ คือการนำเซลล์ต้นกำเนิดตัวอ่อน ( Mesenchymal Stem Cell หรือ MSCs) ที่ยังมีชีวิต ที่ได้จากการเพาะเลี้ยง เข้าสู่อวัยะที่ต้องการซ่อมแซม เช่น ผิวหน้า ข้อเข่า อวัยวะภายในผ่านการให้ทางเส้นเลือดหรือฉีดบริเวณสะโพก เพื่อลดการอักเสบของอวัยวะภายในที่มีความเสียหายไม่ว่าจะเป็น หลอดเลือด ตับ ไต หัวใจ ปอด ลำไส้ กระดูก ผิวหนัง เซลล์ต้นกำเนิด พวกนี้เป็นหัวใจสำคัญของกลไกการซ่อมแซมเซลล์ เพื่อไม่ให้เกิดความผิดปกติ ที่จะก่อให้เกิดเป็นโรคที่เกิดจากความเสื่อม และโรคร้ายแรงในอนาคต
กลไกทำงานของ เซลล์ต้นกำเนิดที่ใช้บำบัด มีดังนี้ เมื่อ เซลล์ต้นกำเนิด เข้าสู่ร่างกายจะวิ่งไปหาเซลล์ที่มีการอักเสบหรือเสียหายตามตัวนำทางซึ่งก็คือโปรตีนที่หลั่งออกมาจากระบบภูมิคุ้มกัน (Cytokines) เพื่อส่งสัญญาณว่ามีเซลล์ใดที่ต้องการการซ่อมแซม หลังจากนั้น เซลล์ต้นกำเนิดจะเข้ามายังบริเวณที่เสียหายโดยการแบ่งตัวของมันเป็นเซลล์เฉพาะประเภทต่างๆ เพื่อช่วยในการรักษาตามอวัยวะนั้นๆ และยังกระตุ้นให้เซลล์อื่นๆ ภายในร่างกายช่วยกันซ่อมแซมเซลล์ที่มีปัญหา อีกทั้ง MSCs ช่วยกระตุ้นระบบฮอร์โมน ทำให้เซลล์กลับมาทำงานได้เต็มที่ ไม่มีเซลล์ที่ผิดปกติ คืนความเป็นหนุ่มเป็นสาว ทั้งอวัยวะภายใน และภายนอก
MSCs คือ
Mesenchymal stem cells คือ เซลล์ต้นกำเนิด รูปแบบหนึ่ง เป็นเซลล์ต้นกำเนิด ที่เพาะเลี้ยงจากเนื้อเยื่อรก สายสะดือ ของเด็กแรกเกิด จะมีจุดเด่นคือเป็นส่วนที่มีระบบภูมิต้านทานต่ำ (จุดเชื่อมกับแม่ลูกจะมีระบบภูมิต้านทานน้อยกว่าส่วนอื่นของร่างกาย เพื่อป้องกันไม่ให้ภูมิคุ้มกันของแม่ทำลายเด็ก) และ จะมีการตรวจสุขภาพ เลือดของพ่อและแม่ที่เป็นเจ้าของรก ก่อนเข้าห้องเพาะเชื้อ และเมื่อผ่านกระบวนการเพาะเลี้ยง เซลล์ต้นกำเนิด จะผ่านกระบวนการการนำระบบภูมิต้านทานออก จึงไม่มีปัญหาในการใช้ เซลล์ต้นกำเนิด จากเซลล์คนอื่น
ในปัจจุบัน พ่อแม่จำนวนมากได้จัดเก็บรกตอนคลอดลูกเพื่อนำมาเพาะเลี้ยง เซลล์ต้นกำเนิดเป็นนิยมขึ้นมากเนื่องจากได้ใช้เซลล์ของตนเองและได้เซลล์ของตัวอ่อน ที่มีพลังงานในการซ่อมแซมได้ดี ช่วยในการชะลอวัยและความงามอย่างมาก
3 จุดเด่นของ MSCs ทำให้นิยมใช้อย่างแพร่หลาย
- Self-Renew แบ่งตัวได้ตลอดเวลา ถ้าเซลล์ร่างกายจะแบ่งตัวได้จำกัด
- Unspecialized จำเพาะเจาะจงว่าจะต้องเปลี่ยนไปเป็นเซลล์ใด สามารถเปลี่ยนเป็นเซลล์ใดก็ได้
- Differentiation มีความสามารถเปลี่ยนเป็นเซลล์ได้หลากหลายชนิด (Differentiation)
เพราะเป็น เซลล์ต้นกำเนิดทารก จะเปลี่ยนเป็นเซลล์ใดก็ได้ (ต่างจากเซลล์ต้นกำเนิดที่โตเต็มวัยแล้ว จะเปลี่ยนเป็นเซลล์อื่นได้จำกัด) ขึ้นกับว่าสิ่งแวดล้อมและขึ้นกับสารเคมีที่ส่งมาให้กับเซลล์ต้นกำเนิด เช่น สามารถเปลี่ยนเป็นเซลล์fibroblast เซลล์ผิวหนัง ทำให้ผิวดี สร้างคอลลาเจนได้เพิ่มขึ้น /เปลี่ยนเป็นเซลล์กระดูก /เซลล์ผนังหลอดเลือด ทำให้เส้นเลือดงอกใหม่เพิ่มขึ้น/ ส่งผ่านส่วนประกอบของเซลทำให้เซลล์ตับได้รับการฟื้นฟูในโรคตับแข็ง
MSCs ช่วยอะไรได้บ้าง
ในเซลล์ต้นกำเนิด มี peptide , multigrowth factor จำนวนมาก ที่จะช่วย
- ลดการอักเสบ (Anti-inflammation) เมื่อฉีดเซลล์ต้นกำเนิดจะวิ่งไปหาเซลล์ที่มีการอักเสบเพื่อซ่อมแซมเซลล์นั้นๆให้กลับมาปกติ เซลล์ผิวหน้ากลับมาอ่อนเยาว์ ผลิตคอลลาเจนได้เพิ่มขึ้น เซลล์ตับลดการอักเสบกลับมาทำงานได้ดีขึ้น เส้นเลือดดีขึ้น
- ลดสารอนุมูลอิสระ (Anti-oxidant) ของเซลล์และเนื้อเยื่อ เมื่อฉีดเซลล์ต้นกำเนิด ผ่านทางเส้นเลือด ทำให้เนื้อเยื่อฟื้นฟูสภาพดีขึ้น เซลล์ร่างกายเด็กลง
- ซ่อมแซมเซลล์ที่สึกหรอ เซลล์ที่มีความผิดปกติ ให้กลับมาทำงานได้ดี เซลล์ที่สึกหรอจะได้รับเป็ปไทด์ growth factorต่างๆ ทำให้มีวัตถุดิบในการซ่อมแซมเซลล์
- กระตุ้นการทำงานของgrowth factors และcytokinesต่างๆ ซึ่งจะช่วยให้การทำงานของเซลล์นั้นๆดีขึ้น
- กระตุ้นการทำงานของระบบฮอร์โมนในร่างกาย
MSCs นำมาใช้ในศาสตร์ชะลอวัยอย่างไร?
ในปัจจุบันเราพบปัญหาแก่ก่อนวัยค่อนข้างมาก เนื่องจาก Life style ในปัจจุบัน การกิน การนอนและสภาพอากาศที่มีมลพิษทำให้เกิดสารอนุมูลอิสระทำลายเซลล์และทำให้เซลล์แก่ ไม่สามารถทำงานหลั่งสารต่างๆได้อย่างเต็มที่ และเกิดความเสื่อมก่อนวัยอันควร เช่น โรคสมองเสื่อม การอักเสบที่หลอดเลือดทำให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน ขับสารพิษที่มากเกินไปของตับ ลำไส้ ทำให้เกิดการอักเสบและก่อให้เกิดมะเร็งได้เราจึงควรเพิ่ม เซลล์ต้นกำเนิดในร่างกายผ่านทางการออกกำลังกาย การกินอาหารที่ดี การนอนหลับอย่างเพียงพอ การสร้างอารมณ์ดี ไม่เครียด รวมถึงสามารถใช้ MSCs ฉีดเข้าไปในร่างกายเพื่อให้มีปริมาณ เซลล์ต้นกำเนิดมากพอที่จะช่วยชะลอความเสื่อมและซ่อมแซมเซลล์ที่มีการเสียหาย คืนความอ่อนเยาว์ให้กับร่างกาย
เนื่องจากเซลล์ต้นกำเนิด สามารถเข้าไปซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์ที่มีความแก่ เซลล์ที่มีความเสียหายให้กลับคืนสู่สภาพดี ทำให้เซลล์และอวัยวะต่างๆทำงานได้ มีประสิทธิภาพเหมือนครั้งยังเป็นหนุ่มเป็นสาว ดังนั้นการใช้เซลล์ต้นกำเนิดในการบำบัด เป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ลด ความเสื่อมของเซลล์และสามารถช่วยแก้ไขได้ในหลายส่วนอวัยวะ ไม่ว่าจะเป็น การลดความเสื่อมของผิวหนังลดเลือนริ้วรอย ลดการอักเสบของหลอดเลือดลดโอกาสการเป็นหลอดเลือดหัวใจอุดตัน ลดภาวะการเกิดโรคสมองเสื่อม เข่าเสื่อม ช่วยซ่อมแซมเซลล์ตับและลำไส้ที่ถูกทำลาย ช่วยฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายและระบบต่อมไร้ท่อทำให้ฮอร์โมนกลับมาทำงานได้ดีมากขึ้น กระดูกและข้อต่อดีขึ้น
MSCs ฉีดบริเวณไหนได้บ้าง ?ใช้ปริมาณประมาณเท่าไหร่?ฉีดบ่อยแค่ไหน?
- 1.ฉีดเซลล์ต้นกำเนิด เข้าผิวหน้าและลำคอ เพื่อให้หน้าอ่อนเยาว์
การฉีดเซลล์ต้นกำเนิด ที่ผิวหน้าจะไปช่วยลดอายุของ fibroblast ซึ่งเป็นเซลล์ผิวหน้าให้เด็กลง การกระตุ้นให้มีความร้อนการอักเสบเล็กน้อยบนใบหน้าทำให้stem cells เข้าไปบำรุงเซลล์ผิวได้ดียิ่งขึ้น เช่นการทำ Hifu ulthera ก่อนฉีดเซลล์ต้นกำเนิด
- เซลล์ผิวผลิตคอลลาเจนและอีลาสตินเพิ่มความยืนหยุ่นให้ผิวหน้าทำให้หน้าเด็กลง
- ช่วยให้เซลล์ผิวหน้าแข็งแรง ลดผดผื่น ลดผิวแพ้ง่าย
- ช่วยลดฝ้ากระ ผิวที่ขึ้นใหม่คุณภาพดีขึ้น
- ช่วยลดลดริ้วรอยเล็กๆ (fine lines) ช่วยให้ผิวหน้าเต่งตึงเรียบเนียนขึ้น กระชับรูขุมขนกระชับ ผิวกระจ่างใสขึ้น
ฉีด 6 เดือนครั้งหรือปีละครั้งใช้เซลล์ต้นกำเนิด ประมาณ 2-5 ล้านเซลล์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวหน้าและการประเมินของแพทย์
- 2.ฉีดเซลล์ต้นกำเนิด เข้ารากผม เพื่อกระตุ้นการงอกของผม
การฉีดเซลล์ต้นกำเนิดที่รากผม จะช่วยกระตุ้นรากผมให้ได้รับสารอาหารต่างๆที่สมบูรณ์ทำให้มีผมใหม่งอกขึ้นได้ และทำให้ผมเก่าหลุดล่วงน้อยลง การฉีดสเต็มเซลล์จะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าการฉีดกระตุ้นด้วยPRP (ปั่นสกัดได้จากเลือด) ฉีด6เดือนครั้งหรือปีละ1ครั้ง ใช้เซลล์ต้นกำเนิด ประมาณ 5 ล้านเซลล์
กรณีที่ไม่มีรากผม แนะนำปลูกผมร่วมกับการฉีดเซลล์ต้นกำเนิด
- 3.ฉีดเซลล์ต้นกำเนิด เข้าข้อเข่า เพื่อลดข้อเข่าเสื่อม การปวดเข่า
การฉีดเซลล์ต้นกำเนิดเข้าข้อเข่าจะช่วยลดอาการปวดข้อเข่าเพราะช่วยเพิ่มพื้นที่ของข้อเข่า ซ่อมแซมกระดูกอ่อนบริเวณข้อเข่าได้ ลดการอักเสบในข้อเข่าได้ดี
- เลือกฉีดเซลล์ต้นกำเนิด ในคนไข้ที่เพิ่งเริ่มมีอาการปวดเวลาเดิน เดินขึ้นบันได รู้สึกกระดูกเสียดสีกัน ถ้าเป็นข้อเข่าเสื่อมขั้น4 ที่ต้องผ่าตัดแล้ว ไม่แนะนำการักษาด้วยเซลล์ต้นกำเนิด
- ก่อนจะฉีดเซลล์ต้นกำเนิด เข้าข้อเข่าให้เช็คว่าเป็นข้อเข่าเสื่อมจริงไหมหรือปวดจากกล้ามเนื้อน่องตึงเพื่อจะรักษาได้ถูกจุด ปกติใช้เซลล์ต้นกำเนิด ประมาณข้างละ 5-10 ล้านเซลล์ ฉีดทุก 6 เดือน -1ปี
ขั้นตอนการฉีดเข่า
- ก่อนฉีดให้งดยาละลายลิ่มเลือด วิตามินอี omega3 นาน 7 วัน เพื่อลดการมีเลือดออกในข้อเข่า
- กินยา paracetamol ก่อนทำหัตถการ30 นาที
- ฉีดเซลล์ต้นกำเนิด ในตำแหน่งที่ถูกต้อง (สามารถให้การรักษาร่วมกับยาเพิ่มน้ำไขข้อได้ )
- หลังฉีดเสร็จให้หมุนเข่าเล็กน้อย นั่งพัก20นาที
- นัดติดตามอาการ 1 สัปดาห์
- 4.ฉีดเข้าเส้นเลือดดำ เพื่อลดการอักเสบทั่วร่างกาย
การฉีดเซลล์ต้นกำเนิด เข้าเส้นเลือดดำ เป็นการดูแลเซลล์ทุกอวัยวะในร่างกายโดยสเต็มเซลล์จากวิ่งไปหาเซลล์ เนื้อเยื่อที่มีการอักเสบก่อนและจะทำการซ่อมแซมบริเวณนั้นก่อน จึงเป็นการฟื้นฟูเซลล์ที่อักเสบ สึกหรอได้โดยตรง แก้ปัญหาตับอักเสบ เส้นเลือดที่มีการอักเสบ ลำไส้อักเสบ ทำให้ร่างการได้รับการฟื้นฟูอย่างถูกจุด รวมถึง เป็นการกระตุ้นระบบฮอร์โมนในร่างกายช่วย นอกจากอวัยวะภายในจะดีแล้วยังส่งผลถึงผิวพรรณภายนอก ช่วยให้ผิวเนียนนุ่ม ลดผดผื่น ปริมาณเซลล์ต้นกำเนิด ที่ใช้ 30-50 ล้านเซลล์ ฉีดได้ทุก 1 ปี
> ก่อนฉีดสเต็มเซลเข้าศึกษาจำเป็นต้องมีการตรวจคัดกรองค่ามะเร็ง การล้างพิษด้วย vitamin therapy การล้างพิษโลหะหนัก chelation ก่อนและปรับสมดุลย์ฮอร์โมนในร่างกายก่อน เพื่อให้การฉีดเซลล์ต้นกำเนิด มีประสิทธิภาพสูงสุด
หลังฉีด MSCs เซลล์ต้นกำเนิด เห็นผลเมื่อไหร่
การฉีดเซลล์ต้นกำเนิดเน้นการซ่อมแซมเซลล์และทำให้เซลล์ในส่วนนั้นๆทำงานได้ดีขึ้น เช่นการลดการอักเสบ ซ่อมแซมเซลล์ที่สึกหรอ ดังนั้นการฉีดสเต็มเซลล์จึงไม่ได้เห็นผลลัพธ์ทันทีทันใด ไม่หมือนการฉีดเติมเต็มด้วยฟิลเลอร์ หรือการฉีดกลุ่มบำรุงผิวพวก hya ต่างๆ แต่จะค่อยๆเห็นผลลัพธ์ใน1-2 เดือนว่าผิวหน้าเด็กลง ผิวยืดหยุ่นมากขึ้น การฉีดรากผมช่วยกระตุ้นให้ผมค่อยๆขึ้น ชัดเจนเมื่อ 1-2 เดือน ปวดข้อเข่าจะดีขึ้นค่อนข้างเร็ว การฉีดเข้าเส้นเลือดดำจะรู้สึกสดชื่นขึ้น กระฉับการเฉงขึ้น
ขั้นตอนในการรับบริการฉีด MSCs เซลล์ต้นกำเนิด?
STEP 1 ปรึกษาแพทย์ ถึงปัญหาที่ต้องการแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นฉีดบนผิวหน้า รากผม ข้อเข่าหรือเพื่อการย้อนวัยทั่วร่างกาย เพื่อกำหนดจำนวนเซลล์ต้นกำเนิดว่าใช้กี่ล้านเซลล์ ที่จะใช้สำหรับแต่ละตำแหน่ง และวางแผนการรักษาแบบอื่นร่วมต้นก่อน เพื่อให้ประสิทธิภาพของการฉีด MSCs ที่ดีที่สุด
เช่นการทำ Hifu ก่อนฉีด MSCs ที่ผิวหน้า /การตรวจเช็คค่ามะเร็งและระดับฮอร์โมนก่อนฉีด MSCs เข้าเส้นเลือด
STEP 2 นัดวันและเวลาที่จะฉีดเพราะต้องสั่ง MSCs ให้ส่งตรงจากห้องแลปที่ได้รับมาตรฐานและผ่านการรับรองว่าปลอดภัย โดยจะมาส่งก่อนเวลาฉีดไม่เกิน 1ชั่วโมง เพื่อให้เซลล์ที่ยังมีชีวิตอยู่มากที่สุด
STEP 3 ถ้าเป็นการฉีดเข้าใบหน้าลำคอ แปะยาชา 15-30นาที และการตุ้นผิวหน้าด้วยHifu ทำให้ผิวเกิดความร้อน มี inflammation เล็กน้อย เพื่อให้เซลล์ต้นกำเนิด วิ่งไปในชั้นผิวที่ต้องการ
ถ้าเป็นการฉีดเข้าข้อเข่า กินยาparacetamolก่อน30นาที
ฉีดเข้าเส้นเลือด ต้องมีการตรวจเลือดและปรับฮอร์โมนมาก่อน
STEP 4 ฉีด MSCs ทั่วใบหน้า ลำคอ/รากผมใช้เวลา 15 นาที
นัดติดตามผล 1 สัปดาห์ ฉีดทุก6เดือน-1ปี
- ฉีดเข้าข่อเข่าใช้เวลา 15 นาที นั่งพัก20 นาที
- ฉีดเข้าเส้นเลือดใช้เวลาประมาณ1 ชั่วโมง นอนพัก 1 ชั่วโมง
ฉีดเซลล์ต้นกำเนิด MSCs ผลข้างเคียง มีอะไรบ้าง? อันตรายหรือไม่?
ปัจจุบัน เซลล์ต้นกำเนิด ที่นิยมใช้ในการชะลอวัยจะเป็นเซลล์ต้นกำเนิดที่เพาะเลี้ยงจากเนื้อเยื่อรก สายสะดือ เพราะจะมีความสามารถในการแบ่งตัว มีพลังงานมาก มีความสามารถในฟื้นฟู ซ่อมแซมเซลล์ ดีกว่า การใช้ เซลล์ต้นกำเนิดของเราเองซึ่งจะมีอายุเท่ากับอายุของเรา จะมีความสามารถในการฟื้นฟูน้อยกว่า
การรับ เซลล์ต้นกำเนิด จากร่างกายผู้อื่นปลอดภัยไหม?
การรับ เซลล์ต้นกำเนิด จากผู้อื่นไม่เป็นอันตราย ซึ่งในวงการ wellness นิยมใช้ Fetal MSCs /MSCs
แม้เป็น Allogenic MSCs (คนให้กับคนรับคนละคน กันก็ตาม) แต่มีความปลอดภัยเพราะรกเป็นส่วนที่มีระบบภูมิต้านทานต่ำ (Immuno -privileged property) รกและเนื้อเยื่อรอบรกเป็นส่วนที่เชื่อมระหว่างแม่กับลูก ร่างกายได้ออกแบบให้เป็นบริเวณที่มีปริมาณของantibodyน้อย (low immune ) จึงไม่เกิดอันตรายต่อผู้รับ MSCs ทำให้มีการใช้อย่างแพร่หลาย
ปัจจุบันการให้ MSCs มี 2 แบบ
1. Autologous MSCs ผู้ให้กับผู้รับคนเดียวกัน
- ใช้ MSCs ร่างกายของตัวเองหรือแฝดแท้ (ปัจจุบันมีการเก็บจากเลือดและไขกระดูก)
- ใช้ MSCs จากรกของลูกตนเอง
ข้อดีคือไม่ต้องกลัวระะบบภูมิต้านทานของร่างกาย
ข้อเสียคือ ได้เซลล์ที่มีอายุตามอายุของตนเอง ก็จะมีข้อจำกัดในการแบ่งตัวเป็นเซลล์อื่นเนื่องจากเป็น adult stem cells เว้นใช้เซลล์จากลูกของตนเอง
2. Allogenic MSCs ผู้ให้กับผู้รับคนละคนกัน
- ใช้ MSCs ร่างกายของผู้อื่น ต้องผ่านกระบวนการในการเอาระบบAntibody ออกก่อน
- ใช้ MSCs จากรกของผู้อื่น (ที่นิยมใช้ในวงการWellness and Anti-Aging)
ข้อดีคือสามารถใช้เซลล์ที่อายุอ่อนกว่าได้ เพราะไม่ต้องมาจากเซลล์ตนเอง ทำให้ได้fetal stem cells/mesenchymal MSCs ที่มีความสามารถในการแบ่งตัว มีพลังงานมาก มีความสามารถในฟื้นฟู ซ่อมแซมเซลล์ดีกว่า ถ้าได้ MSCs จากรกเด็กเป็นส่วนที่มีระบบภูมิต้านทานต่ำ (จุดเชื่อมกับแม่ลูกจะมีระบบภูมิต้านทานน้อย)และผ่านกระบวนการการนำระบบภูมิต้านทานออก จึงไม่มีปัญหาในการให้ MSCs จะได้จากคนอื่นก็ตาม
ข้อเสียคือ การให้ MSCs แบบนี้หลายๆครั้ง อาจทำให้เกิดอาการแพ้ได้ ได้ผลลัพธ์ที่น้อยลงอาจต้องเปลี่ยนชนิดของ MSCs
MSCs ที่นิยมใช้กันมาจากไหน คุณภาพต่างกันหรือไม่? ทำไมราคาจึงแตกต่างกัน ?
MSCs ที่นิยมใช้ในศาสตร์wellness คือ fetal stem cells/Mesenchymal stem cells เป็น MSCs ที่ได้จากชิ้นส่วนของรก สายสะดือของทารกแรกเกิด
เวลาจัดเก็บจะได้ปริมาณไม่มาก จึงต้องมาทำการเพาะเลี้ยง เพื่อเพิ่มจำนวนเซลล์ มีการแยกสิ่งปนเปื้อนและเชื้อโรคออก มีการคัดแยกตามคุณภาพของ MSCs ด้วย ทำให้มีราคาแตกต่างกันออกไป
MSCs ที่คุณภาพดี ต้องฉีดในขณะที่เซลล์ยังมีชีวิตอยู่ เพื่อให้ฟื้นฟูซ่อมแซมได้อย่างเต็มที่ มีขนาดมาตราฐาน สภาพเซลล์สมบูรณ์ ไม่มีสิ่งเจือปน ดังนั้นราคาของ MSCs จึงแตกต่างกันออกไปเพราะ MSCs ก็มีหลายเกรด หลายแบบ ราคาแตกต่างกัน
ดังนั้นจึงต้องได้จากห้องเพาะเชื้อที่มาตรฐาน การขนส่งมีมาตรฐานต้องควบคุมอุณหภูมิ
MSCs จะถูกส่งตรงจากห้องเพาะเลี้ยงสู่สถานที่ฉีดและควรฉีดเร็วที่สุดได้ยิ่งดี เราจะไม่เก็บ MSCs ไว้ค้างคืน อุณหภูมิที่ไม่เหมาะสมทำให้ MSCs เสื่อมสภาพและไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร
- มาตรฐาน GTP ในการคัดเลือกที่มาของเนื้อเยื่อเพาะเลี้ยง เพื่อให้ได้เนื้อเยื่อที่มีคุณภาพสูง ปราศจากเชื้อปนเปื้อน
- มาตรฐาน ATMP หรือ US-FDA สำหรับการผลิตเพื่อใช้ทางการแพทย์
- มาตรฐาน ISCT ในการตรวจคุณภาพของเซลล์ต้นกำเนิดที่สมบูรณ์ เหมาะสม
- มาตรฐาน ISO เพื่อรับรองความถูกต้อง ปลอดภัยในทุกขั้นตอนการผลิต5. มาตรฐาน GMP ให้ทุกการผลิตมีมาตรฐานเท่าเทียมกัน
MSCs จะถูกส่งตรงจากห้องเพาะเลี้ยงสู่สถานที่ฉีดและควรฉีดเร็วที่สุดได้ยิ่งดี ไม่ควรเกิน3ชั่วโมง อุณหภูมิที่ไม่เหมาะสมทำให้ MSCs เสื่อมสภาพและไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร
และหากคุณสนใจในการฉีดMSCs หรือยังมีข้อสงสัย สามารถ ทำการจองเพื่อเข้ามาปรึกษาคุณหมอนก แพทย์ผู้เชียวชาญด้านความงามและศาสตร์ชะลอวัย ประจำไครโอคลินิกได้เลย เนื่องจากในการฉีด MSCs ให้กับคนไข้ ทางคลินิกจะมีการให้คำแนะนำ พูดคุยและวางแผนก่อนเป็นอันดับแรก ในการฉีดMSCs หรือต้องการคำปรึกษาและคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการฉีด MSCs หรือ เซลล์ต้นกำเนิดใช้บำบัด สามารถนัดเข้ามาพบคุณหมอนก แพทย์หญิงพรชนก เล้าสุขสุวรรณ ได้ที่ Chrio Clinic ทั้งสองสาขา ที่เบอร์ 093 448 4000 (สาขาปุณวิถี) และเบอร์ 092 647 3400 (สาขาบางนา – ราม 2 ถนนนัมเบอร์วันราม 2) หรือแอดไลน์ได้ที่ Line ID: @chrioclinic หมอนกยินดีให้คำปรึกษาและตอบทุกคำถามด้วยตัวเองค่ะ
สนใจปรึกษา ขอคำแนะนำโดยตรงจากคุณหมอนก
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านความงามและชะลอวัย
มีคำถาม ไขข้อสงสัย?
เราดูแลทั้งเรื่องความงาม การปรับรูปหน้า การให้วิตามินเฉพาะบุคคล รวมถึงการตรวจสุขภาพเชิงชะลอวัย การปรับสมดุลฮอร์โมน รวมถึงการใช้เซลล์บำบัด placenta และ stem cell
- 093 448 4000
- chrio.clinic@gmail.com
MSCs มีหลาหลายเกรดและราคาแตกต่างกัน ขึ้นกับขบวนการในการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อรกและสายสะดือ เป็นวิธีที่มีความละเอียด ซับซ้อน ตั้งแต่แหล่งที่มาของเนื้อเยื่อ การคัดแยกสิ่งปนเปื้อนและเชื้อโรคออก การเพิ่มจำนวนเซลล์ มีการคัดแยกเอาเฉพาะเซลล์ที่สมบูรณ์เท่านั้น MSCs ที่ดีต้องเป็นเซลล์ยังยังมีชีวิตอยู่ตอนทำการฉีดเข้าร่างกาย/ใบหน้า/ข้อเข่า ไม่ใช่stem cell ที่ตายแล้ว ที่ทำให้ MSCs ในท้องตลาดมีราคาที่แตกต่างกันออกไป แต่ปัจจุบันมีห้องแลปในการเพาะสเต็มเซลล์เพิ่มขึ้น ทำให้ราคาเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น ไม่ต้องเดินทางไปที่ต่างประเทศก็ได้รับคุณภาพเดียวกันแต่ราคาดีกว่ามาก หลักหมื่นก็สามารถ รักษาด้วยstem cell therapyได้แล้วค่ะ
ดังนั้นstem cellsจึงต้องได้จากห้องเพาะเชื้อที่มาตราฐาน การขนส่งมีมาตราฐานต้องควบคุมอุณหภูมิ มีการบอกจำนวนของstem cellsที่ยังมีชีวิตอยู่ ขนาดเฉลี่ยของเซลล์
Stem cells จะถูกส่งตรงจากห้องเพาะเลี้ยงสู่สถานที่ฉีดและควรฉีดเร็วที่สุดได้ยิ่งดี ไม่ควรเกิน3ชั่วโมง อุณหภูมิที่ไม่เหมาะสมทำให้stem cellsเสื่อมสภาพและไม่ได้ผลดีเท่าที่ควร