วิตามิน แร่ธาตุ สูตรเฉพาะบุคคลเพื่อเสริมฮอร์โมน

วิตามิน แร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระ สำหรับเพิ่มฮอร์โมนที่ไครโอคลินิก
เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นร่างกายของเราสร้างฮอร์โมนได้ลดลง จึงเป็นเหตุให้ร่างกายอ่อนเพลีย ไม่สดชื่น ง่วงนอนกลางวัน อารมณ์หงุดหงิดง่าย ร้อนวูบวาบ ผิวแห้ง ช่องคลอดแห้ง การเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ เราจึงจำเป็นต้องเพิ่มทั้ง วิตามิน เกลือแร่ สารต้านอนุมูลอิสระต่างๆ ที่ช่วยในการสร้างฮอร์โมน
- ฮอร์โมน DHEAs

มารู้จัก DHEAs ฮอร์โมนที่เป็นสารตั้งต้นฮอร์โมนเพศ และต้านความเครียด
DHEAs (Dehydroepiandrosterone Sulfate) ช่วยควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจ ความดันโลหิต เป็นสารตั้งต้นในการสร้างฮอร์โมนเพศ ทั้งชายและหญิง ทำงานตรงข้ามกับฮอร์โมนความเครียด DHEAs ส่วนมากสร้างขึ้นที่ต่อมหมวกไต และส่วนน้อยผลิตที่อัณฑะของผู้ชายและรังไข่ของผู้หญิง
DHEAs จะสร้างได้สูงสุดตอนอายุ 20-29 ปี แล้วจะลดลงปีละ 1-2% ค่าจะต่ำลงค่อนข้างมากเมื่ออายุ 50ปีขึ้นไป ระดับ DHEAs เป็นดัชนีชี้วัดความชรา ความเสื่อมถอยของเซลล์
จากการศึกษาพบว่า คนที่มีอายุยืนยาว สุขภาพดี จะมีระดับ DHEAs สูงกว่าคนที่ป่วยเป็นโรคเรื้อรัง 4 เท่า หากระดับ DHEAs ต่ำจะมีผลต่อการสร้างฮอร์โมนเพศชายลดลง (Testosterone) และการสร้างฮอร์โมนเพศหญิงก็ลดลง (Estrogen) เช่นกัน ทำให้เหนื่อยง่าย ไม่สดชื่น การเผาผลาญน้อยลง เพิ่มความเสี่ยงต่อการอุดตันของหลอดเลือด
DHEAs จะมีบทบาทตรงข้ามกับฮอร์โมนความเครียด (Cortisol) เมื่อมีความเครียด DHEAs จะลดระดับลง เนื่องจากคุณสมบัติของ DHEAs ช่วยในการชะลอวัย ลดการสะสมไขมัน เพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ป้องกันมะเร็ง และส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานของระบบประสาทและสมอง
- ประโยชน์ของฮอร์โมน DHEAs
- ช่วยลดอาการวัยทอง สร้างฮอร์โมนเพศชายและเพศหญิง DHEAs เป็นสารตั้งต้นในการผลิตฮอร์โมนเทสโทสเทอโรน ช่วยลดอาการวัยทอง สมรรถภาพทางเพศดีขึ้น ลดอาการวัยทอง สดชื่นขึ้น ลดอาการร้อนวูบวาบ ช่วยสร้างกล้ามเนื้อ การเผาผลาญดีขึ้น
- ลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือด ผลการศึกษาหลายชิ้นพบว่า DHEAs ช่วยลดการสะสมของไขมัน และโอการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด เมื่อระดับ DHEAs สูง จะช่วยลดการสะสมของคอลเลสเตอรอล ทำให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น
- ปรับสมดุลระบบเผาผลาญ ลดการสะสมไขมัน DHEAs เพิ่มการเผาผลาญและดึงพลังงานไปใช้ได้อย่างสมดุล ช่วยลดไขมันสะสม ถ้าระดับ DHEAs ต่ำ จะทำให้ระบบเผาผลาญผิดปกติ อาจนำไปสู่โรคเรื้อรัง เช่น ภาวะดื้ออินซูลิน ทำให้เกิดโรคเบาหวาน ผู้ชายและผู้หญิงที่ได้รับ DHEAs ปริมาณ 50 มิลลิกรัมต่อวัน ติดต่อกันยาวนานประมาณ 6 เดือน ปริมาณไขมันบริเวณหน้าท้องจะลดลง รวมถึงผลการวิจัยพบว่า DHEAs ช่วยลดปริมาณไขมันในร่างกายและน้ำหนักตัวได้
- ความจำดีขึ้น ลดอาการสมองเสื่อมก่อนวัย เนื่องจาก DHEAs ช่วยต้านการทำงานของ Cortisol หรือฮอร์โมนความเครียด ซึ่งมีผลต่อการทำลายเซลล์ประสาท เมื่ออายุมากขึ้น ความจำมักเสื่อมถอยลง จึงไม่ควรละเลยเมื่อมีปัญหาด้านความจำ การเพิ่มระดับ DHEAs จึงช่วยให้การทำงานของเซลล์ประสาทดีขึ้น ชะลอและป้องกันการเกิดภาวะสมองเสื่อมได้
- ลดภาวะซึมเศร้า จัดการปัญหาได้ดีขึ้น ในผู้ป่วยภาวะซึมเศร้า ส่วนมากมีความเครียดที่ต้องจัดการสูง ส่งผลให้ระดับ DHEAsต่ำลง ทำให้เกิดภาวะซึมเศร้าได้ง่าย การทดลองรักษาผู้ป่วยด้วยการให้ DHEAs ติดต่อนาน 6 เดือน พบว่าคะแนนทดสอบภาวะซึมเศร้าดีขึ้น 48-72% รวมทั้งประสิทธิภาพการทำงานของสมองด้านความจำก็ดีขึ้นถึง 63% อีกด้วย
- เสริมความหนาแน่นของมวลกระดูก การเพิ่มระดับ DHEA มีความสัมพันธ์กับระดับมวลกระดูกที่เพิ่มขึ้น ช่วยป้องกันการสูญเสียมวลกระดูก พร้อมทั้งเพิ่มมวลกล้ามเนื้อได้ จากการวิจัยของ Catherine M. Jankowski ผู้เชี่ยวชาญด้านสรีรวิทยาการออกกำลังกาย และรองศาสตราจารย์วิทยาลัยพยาบาล มหาวิทยาลัยโคโลราโด
- เพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย DHEAs ช่วยกระตุ้นการแบ่งตัว และเพิ่มจำนวนเม็ดเลือดขาวที่ไขกระดูก ควบคุมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน เพื่อต่อสู้กับเชื้อโรค ทำให้ร่างกายแข็งแรง ความเจ็บป่วยลดลง
- ระดับ DHEAs ต่ำเกิดความเสี่ยงต่อโรค ดังนี้
- โรคหลอดเลือดหัวใจเพิ่มขึ้น ไขมันสะสมในหลอดเลือด โรคหัวใจซึ่งสัมพันธ์ในเพศชาย
- โรคมะเร็ง ในคนที่มี DHEAs ต่ำ จะมีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้น เช่น มะเร็งเต้านมในหญิงวัยหมดประจำเดือน มะเร็งต่อมลูกหมากในเพศชาย
- โรคกระดูกพรุน ในเพศหญิง พบความสัมพันธ์ของ DHEAs กับความหนาแน่นของกระดูกแปรผันตรงกันคือ DHEAs สูง ความหนาแน่นของกระดูกก็สูงตาม จึงใช้บ่งชี้ความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน
- โรคซึมเศร้า หรือมีปัญหาสุขภาพจิต พบว่ามีความสัมพันธ์ชัดเจนจากการลดลงของการหลั่ง DHEAs
- ภาวะสมองเสื่อม บกพร่องทางปัญญา พบว่า DHEAs ลดลงสัมพันธ์กับความผิดปกติของโรคเช่น อัลไซเมอร์ หรือภาวะกดดันภายในจิตใจ
- น้ำหนักมาก เผาผลาญไม่ดี
- เกิดการบางของเนื้อเยื่อช่องคลอดในผู้หญิง ที่จะทำให้ขาดหรืออักเสบได้ง่าย ผิวหนังบาง แห้งเหี่ยว หรือริ้วรอยก่อนวัย
DHEAs เสริมได้ไหม? เพิ่ม DHEAs ได้อย่างไร? เสริม DHEAs ที่ไหนดี?
DHEAs เสริมได้ โดยปรึกษาคุณหมอ หรือผู้เชี่ยวชาญ ฟรีได้ที่ ไครโอคลินิก ในกรุงเทพ
สาขาบางนา-ราม2 โทร 092-647-3400 และ
สาขาปุณณวิถี BTS ทางออก 5 โทร 093-448-4000
(Chrio Clinic in Bangkok at Bangna-Ram2 and Punnawithi BTS Exit 5)
- วิตามินดี (Vitamin D)

เป็นตัวกลางสำคัญในการเปลี่ยน DHEAs ให้เป็น testosterone (ฮอร์โมนเพศชาย) และ Estradiol (ฮอร์โมนเพศหญิง) ปัจจุบันพบว่าเมื่ออายุ 35 ปีขึ้นไป ภาวะขาดวิตามินดี 70-80% ยิ่งทำให้การสร้างฮอร์โมนเพศชายและหญิงจะลดลง จึงควรทานวิตามินดีเสริม หรือถ้าตรวจเลือดแล้วพบว่าขาดมากสามารถฉีดวิตามินดีได้
นอกจากวิตามินดีจะช่วยในการสร้างฮอร์โมนแล้ว วิตามินดียังช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ช่วยเพิ่มมวลกระดูก ลดการเกิดกระดูกพรุน ทำให้ความหนาแน่นกระดูกดีขึ้น ช่วยให้ร่างกายเผาผลาญน้ำตาล ได้ดีขึ้น ช่วยลดความเสี่ยงโรคความดันโลหิตสูง และโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ลดโอกาสการเกิดเซลล์มะเร็ง ช่วยลดความเครียด ช่วยในการแบ่งเซลล์ ซ่อมแซมเซลล์ที่สึกหรออีกด้วย
ทำไมคนส่วนมากถึงขาดวิตามินดี ?
คนส่วนมาก โดยเฉพาะคนในเมือง มักเลี่ยงแดด และทางครีมกันแดด กว่าที่ร่างกายจะเปลี่ยนวิตามินดีให้เป็นรูปแบบที่ใช้งานได้ ต้องผ่านหลายขั้นตอนทั้งผ่านตับ ผ่านไต และเรามักกินอาหารเพื่อเพิ่มวิตามินดีในปริมาณที่ไม่เพียงพอ ทำให้คนส่วนมากขาดวิตามินดี
วิตามินดี มาจากไหน?
วิตามินดี อยู่ในอาหารประเภทใดบ้าง?
จะเพิ่มวิตามินดีได้อย่างไรบ้าง?
- วิตามินดี ได้มาจากแสงแดด
เมื่อผิวหนังได้รับรังสี UVB วิตามินดีจะถูกสร้างได้เองในชั้นผิวหนัง และถูกส่งไปที่ตับเพื่อเปลี่ยนเป็น วิตามิน D2 และส่งไปที่ไต เพื่อเปลี่ยนเป็นวิตามิน D3 ที่พร้อมจะใช้งาน (วิตามิน D3 เป็นรูปแบบที่เป็น Active form) ช่วงเวลาที่แนะนำคือ 12.00 น. – 14.00 น. นานอย่างน้อย 15 นาที แต่ก็จะเสี่ยงต่อการเกิดฝ้ากระตามมา
- อาหารที่มีวิตามินดีสูง
ได้แก่ น้ำมันตับปลา ปลาทะเล ปลาทูน่า ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน ปลาเทราต์ ไข่แดง นม วิตามินดีจากอาหารจะได้ในรูปแบบ D2 ซึ่งร่างกายต้องเปลี่ยนเป็น D3 การทานอาหารส่วนมากมักจะไม่เพียงพอ สามารถกินเสริมในแบบวิตามินได้ หรือฉีดเสริมได้

การรับประทานวิตามินดีเสริม
- วิตามินดีในรูปแบบวิตามิน D3 ที่เป็น Active form
- ปัจจุบันมีปริมาณ 1000 iu 2000iu 5000iu และ 10000iu แต่ละคนเหมาะจะทานในขนาดที่แตกต่างกันไป
- แนะะนำเป็นรูปแบบ Soft Gel จะดูดซึมได้ดี
- เพื่อการรักษาที่ถูกต้องและผลลัพธ์ที่ดี ควรตรวจระดับวิตามินดีในเลือดก่อนเสริมวิตามิน
- วิตามินบีรวม (Multi-Vitamin B)

วิตามินบี 5 ก็จะช่วยในการผลิตฮอร์โมนให้ร่างกาย
วิตามินบี 3 มีสาร Niacin (ไนอาซิน) ช่วยเพิ่มฮอร์โมนเพศได้ดี เป็นวิตามินเพิ่มฮอร์โมนเพศชาย และมีสารต้านอนุมูลอิสระ
วิตามินบี 12 ช่วยสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดงและปรับสมดุลทางอารมณ์
วิตามินบีรวม (Multi-Vitamin B) เป็นวิตามินบีที่มีสรรพคุณช่วยในการบำรุงร่างกายและระบบประสาท สารสื่อประสาท ลดความเครียด ลดซึมเศร้า ลดความเหนื่อยล้า ลดการเกิดไมเกรน
- อาหารที่มีวิตามินบีสูง
เนื้อสัตว์โปรตีนสูง เช่น เนื้อไก่ เนื้อหมู เนื้อปลา ตับ ไข่ไก่ นมวัว พวกธัญพืชต่าง ๆ ถั่วอัลมอนด์ ข้าวสาลี

การรับประทานวิตามินบีเสริม
- วิตามินบีแต่ละตัว จะทำหน้าที่ร่วมกัน ควรกินร่วมกันเพื่อไม่ให้ขัดขวางการดูดซึมซึ่งกันและกัน หรืออาจกล่าวได้ว่า การได้รับวิตามินบีชนิดใดชนิดหนึ่งมากเกินไป จะไปแย่งการดูดซึมวิตามินบีตัวอื่นได้
- วิตามินบี แต่ละชนิดอยู่ที่ 25-300 มิลลิกรัมต่อวัน
- ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือกินพร้อมอาหารหรือหลังอาหาร
- กินร่วมกับวิตามินซี จะดูดซึมได้ดี
- แร่ธาตุสังกะสี (Zinc)

สังกะสี (Zinc) เป็นแร่ธาตุจำเป็น ควบคุมให้กระบวนการต่าง ๆ ในร่างกายดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ สังกะสีเป็นหนึ่งในแร่ธาตุที่มีความจำเป็นในการเพิ่มฮอร์โมนเพศ มักพบได้ในเม็ดเลือดขาว มีส่วนช่วยให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนเพศได้ดี ช่วยให้ผู้ชายสร้างอสุจิได้ดีมากขึ้น ถ้ารับประทาน 25mgต่อเนื่อง 50 วัน สามารถเพิ่มคุณภาพของอสุจิให้แข็งแรง ทำให้สมรรถภาพเพศชายดีขึ้นได้จริง ทำให้แร่ธาตุสังกะสี มักจะถูกนำมาเป็นอาหารเสริมผู้ชาย ยาเพิ่มสมรรถภาพเพศชาย ยาเพิ่มฮอร์โมนเพศชาย และช่วยควบคุมฮอร์โมนอินซูลินที่ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอีกด้วย
อีกทั้งช่วยในการสังเคราะห์สารพันธุกรรม ระบบสืบพันธุ์ ระบบประสาท ฮอร์โมน รวมถึงระบบภูมิคุ้มกันกระบวนการย่อยและเผาผลาญไขมัน และสร้างกล้ามเนื้อที่มีประสิทธิภาพ ช่วยสร้างภูมิคุ้มกัน ช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย และยังมีส่วนช่วยในการทำงานของเอนไซม์ต่างๆ ถึง 300 ชนิด ภายในร่างกายด้วย
สังกะสียังช่วยในด้านความงาม ช่วยบำรุงขนผมเล็บให้แข็งแรง ลดการหลุดร่วงของเส้นผม ทำให้แผลสมานไวขึ้น ช่วยในการรักษาสิว ลดไขมันอุดตันตามรูขุมขน ลดการอักเสบของสิว ช่วยในการสร้างคอลลาเจน ลดความเสื่อมของเซลล์

- อาหารที่มีแร่ธาตุสังกะสีสูง
อาหารทะเลประเภท หอยนางรม ปู กุ้ง ปลาแซลมอน หอยแมลงภู่ เมล็ดทานตะวัน เห็ด เนื้อหมู ไข่ ข้าวกล้อง ถั่วลิสง ปลา เมล็ดฝักทอง ธัญพืช เครื่องเทศ ผักโขม เป็นต้น
การรับประทานแร่ธาตุสังกะสีเสริม
ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถสร้างแร่ธาตุสังกะสีขึ้นเองได้ ปริมาณที่แนะนำ 15 mg ต่อวัน ผู้ที่มีภาวะดังต่อไปนี้ควรได้รับสังกะสีเพิ่มขึ้น
- ผู้หญิงให้นมบุตรควรทานมากกว่า 15 mg
- สำหรับผู้ที่ดื่มสุราเป็นประจำหรือผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน ควรได้รับธาตุสังกะสีเสริม
- ผู้หญิงที่ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ
- ผู้ชายที่มีปัญหาเรื่องโรคต่อมลูกหมาก
- หากคุณมีอาการท้องร่วงหรือรับประทานใยอาหารในปริมาณสูง ระดับของธาตุสังกะสีในร่างกายจะต่ำลง
- สำหรับผู้ที่รับประทานอาหารเสริมที่มีธาตุเหล็กและธาตุสังกะสี ให้แยกเวลาในการรับประทาน เนื่องจากมันอาจขัดขวางการทำงานของกันและกันได้
- แร่ธาตุแมกนีเซียม (Magnesium)

แร่ธาตุแมกนีเซียมมีผลต่อการทำงานของเอ็นไซม์มากกว่า 300 ชนิด เช่นเผาผลาญ การสร้างสาร DNA RNA โปรตีน เก็บพลังงานในเซลล์ กระบวนการย่อยสลายกลูโคส และยังมีบทบาทในการรักษาระดับของสารอิเล็กโตรไลท์ภายในเซลล์ ซึ่งส่งผลต่อการหดและคลายตัวของกล้ามเนื้ออีกด้วย
ถ้าขาดแร่ธาตุแมกนีเซียม ทำให้ปวดศีรษะไมเกรน อ่อนเพลีย กล้ามเนื้ออ่อนแรง กล้ามเนื้อชา เหนื่อยง่าย เป็นตะคริวได้ง่าย กล้ามเนื้อหดเกร็ง คุณภาพการนอนหลับต่ำ อารมณ์ไม่ปกติ เสี่ยงทำให้เกิดโรควิตกกังวล หรือโรคซึมเศร้าได้ อัตราการเต้นของหัวใจผิดปกติ ความดันโลหิตสูง และเกิดภาวะกระดูกพรุน เป็นต้น

- อาหารที่มีแมกนีเซียมสูง
อาหารที่มีแมกนีเซียมสูงได้แก่ กล้วยหอม ถั่ว ช็อคโกแลต อะโวคาโด ธัญพืชต่างๆ เมล็ดแฟล็ดซีด อัลมอนด์ ผักโขม
การรับประทานแมกนีเซียมเสริม
แมกนีเซียมในรูปแบบอาหารเสริม มักมีวางจำหน่ายในรูปแบบของวิตามินรวมและแร่ธาตุรวม อาจหาซื้อในรูปแบบของ แมกนีเซียมออกไซด์
- ไม่ควรรับประทานหลังอาหารทันที เพราะจะลดความเป็นกรดในกระเพาะอาหารได้ โดยแมกนีเซียมและแคลเซียมในปริมาณที่เท่ากันถือว่าเป็นรูปแบบที่ดีที่สุด
- ขนาดที่แนะนำให้คือ 350 - 500 mg (หญิงตั้งครรภ์/ให้นมบุตร 450 - 600 mg ต่อวัน)
- สำหรับผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ควรได้รับแมกนีเซียมเสริม
- สำหรับผู้ที่ออกกำลังกายแล้วมักอ่อนล้าหมดแรงเป็นประจำ ควรได้รับแมกนีเซียมเสริม
- สำหรับผู้หญิงที่รับประทานยาคุมกำเนิดหรือฮอร์โมนเอสโทรเจน ควรได้รับแมกนีเซียมเสริม
- สำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดดื้อต่ออินซูลิน ควรได้รับแมกนีเซียมเพราะจะช่วยให้ลดความดันโลหิตได้
- แมกนีเซียมจะทำงานร่วมกับวิตามินเอ แคลเซียม ฟอสฟอรัสได้ดีที่สุด
- แมกนีเซียมเป็นตัวช่วยเสริมการทำงานของเอนไซม์ที่ใช้ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 6 หากร่างกายขาดแมกนีเซียม อาจส่งผลให้มีอาการที่เกี่ยวข้องกับการขาดวิตามินบีได้ เช่น อาการชัก
- แร่ธาตุเหล็ก

ถ้าขาดธาตุเหล็กจะทำให้เหนื่อยง่าย ไม่สดชื่น ควรดูแลให้มีปริมาณของธาตุเหล็กอย่างเพียงพอ เวลาที่รักษาเรื่องฮอร์โมนเพื่อช่วยลดอาการเหนื่อย ควรจะมีการตรวจเช็คระดับความเข้มข้นของเลือด (HCT ฮีมาโตคริต) เพื่อแก้ไขอาการเหนื่อยจากการขาดธาตุเหล็กร่วมด้วย
คนที่มีภาวะเสี่ยวขาดธาตุเหล็ก เช่น ผู้ที่มีภาวะโลหิตจาง ผู้ป่วยที่ประจำเดือนมามาก สำหรับผู้ที่บริจาคเลือด และคนท้อง
ธาตุเหล็กในการสร้างฮีโมโกลบิน ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของเม็ดเลือดแดง ทำหน้าที่ลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยงอวัยวะต่างในร่างกาย ธาตุเหล็กอยู่ในเม็ดเลือดแดง เมื่อเม็ดเลือดแดงหมดอายุ จะมีการปล่อยธาตุเหล็กคืนสู่ร่างกาย เพื่อวนกลับนำมาใช้ใหม่

- อาหารที่มีธาตุเหล็กสูง
เครื่องในสัตว์ ตับและม้าม เนื้อสัตว์ ไข่แดง หอยนางรม หอยแมลงภู่ ถั่ว ผักใบเขียว ผลไม้แห้ง แอปริคอต ลูกเกด ยีสต์หมักเบียร์ สาหร่าย กากน้ำตาล และรำข้าวสาลี
การรับประทานธาตุเหล็กเสริม
FBC คือ ยาบำรุงเลือด ที่มีองค์ประกอบหลักของวิตามินและแร่ธาตุ 3 ชนิด ได้แก่ ธาตุเหล็ก (Fe) วิตามินบี (B) และ วิตามินซี (C) โดยยาจะใช้สำหรับผู้ที่โลหิตจาง จากการขาดธาตุเหล็ก หรือ มีการสูญเสียเลือดออกจากร่างกาย
- ทานครั้งละ 1 เม็ด หลังอาหาร 3 มื้อ
- ระหว่างรับประทานธาตุเหล็กเม็ด ควรหลีกเลี่ยงการดื่มนม น้ำเต้าหู้ หรือยาลดกรดร่วมด้วย เนื่องจากจะลดการดูดซึมของธาตุเหล็ก
- สำหรับผู้ที่ต้องการให้ธาตุเหล็กดูดซึมได้มากขึ้น อาจทานร่วมกับวิตามินซีได้
- ข้อควรระวังและข้อห้ามใช้ในผู้ป่วยผู้ที่เป็นพาหะ/โรคธาลัสซีเมีย G6-PD
- ร่วมกับรับประทานอาหารที่มีธาตุเหล็ก ทำให้ร่างกายเกิดสมดุลและไม่ขาดธาตุเหล็ก
- หลังรับประทานยานี้ อาจทำให้อุจจาระมีสีดำคล้ำได้เป็นเรื่องปกติ
- ช่วงที่กิน FBC อุจจาระจะมีสีดำเนื่องจากร่างกายขับเหล็กส่วนที่เหลือจากการดูดซึมออกทางอุจจาระ ไม่เป็นอันตรายใดๆ
- สารต้านอนุมูลอิสระ CoQ10

สร้างตั้งต้นในการสร้างฮอร์โมนเพศ คือคอเลสเตอรอล ในคนไข้ที่ไขมันในเลือดสูง ที่กินยาลดไขมันในเลือด อาจทำให้ระดับคอลเลสเตอรอลต่ำ จนสร้างฮอร์โมนได้ลง มักพบระดับ CoQ10 ลดต่ำลง และมีผลต่อหารสร้างฮอร์โมนทั้งเพศชายและเพศหญิง การทาน CoQ10 เสริมจึงมีความสำคัญ
CoQ10 พบในทุกเซลล์ของร่างกาย โดยละลายในไขมัน มักพบในส่วนของเยื่อหุ้มเซลล์ พบมากในอวัยวะที่ต้องการพลังงานเช่น สมอง หัวใจ ตับ ไต และยังเป็นสารชะลอวัย ลดริ้วรอยต้านอนุมูลอิสระอีกด้วย

- อาหารที่มี CoQ10 สูง พบมากในเนื้อสัตว์ ปลา ผักโขม บล็อกโคลี่ กะหล่ำ ถั่ว ถั่วเหลือง
การรับประทาน CoQ10 เสริม
- ทาน CoQ10 ขนาด50 mg จะช่วยบำรุงร่างกาย
- เหมาะกับคนที่กินยากลุ่มลดไขมัน Statin ความดันโลหิตสูง ผู้ป่วยพากินสัน ผู้ป่วยโรคหัวใจ แนะนำให้ทาน 100-200 mg
- ฮอร์โมนเมลาโทนิน (Melatonin)

ฮอร์โมนเมลาโทนิน หลั่งจากสมองช่วยให้รู้สึกง่วงและเข้าสู่การนอน ควบคุมนาฬิกาชีวิต Circadian Rhythm เป็นฮอร์โมนตัวแรกที่หลั่งออกมาเพื่อให้ฮอร์โมนตัวอื่นๆ หลั่งตามมา จะหลั่งได้ดีเมื่อหลับสนิท เมลาโทนินจะอยู่นานเวลา 12 ชั่วโมงแล้ว แล้วจะลดลงในตอนเช้า นอนหลับดีก็ทำให้ฮอร์โมนสร้างได้ดีมากขึ้น
ปัจจุบันรู้จักกันดีในฮอร์โมนที่ช่วยให้หลับดี หลับลึก เป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย เพราะไม่ใช่ยานอนหลับแต่ช่วยให้เข้าสู่การนอนได้ไวขึ้น หลับลึกขึ้น และยังเป็นตัวต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ภูมิต้านทานร่างกายดีขึ้น เมื่ออายุมากขึ้นการหลั่ง Melatonin จะลดลง ซึ่งพฤติกรรมการใช้ชีวิตในปัจจุบันจะทำให้ปริมาณ Melatonin ไม่เพียงพอ

- อาหารที่มีเมลาโทนินสูง
การรับประทาน Melatonin เสริม
ควรอยู่ในการดูแลของแพทย์ ปัจจุบันมีแบบอมใต้ลิ้นที่ออกฤทธิ์ใน 15 นาที ช่วยให้หลับได้ไวขึ้น หรือเป็นเม็ดทานทำให้ไม่ตื่นกลางดึก หลับสนิทยาวนาน มีหลายขนาด 1 mg 3mg 5mg 10 mg มีทั้งแบบเม็ดแบบเจลลี่ และอาหารเสริมเกรดยาที่ออกฤทธิ์ให้ร่างกายสร้าง Melatonin ตามธรรมชาติได้
- ช่วยในการปรับพฤติกรรมการนอน ปรับนาฬิกาชีวภาพ
- ช่วยคนที่ทำงานเป็นกะกลางคืน ทำงานกลางวัน นอนหลับได้ง่ายขึ้น
- ช่วยให้หลับดีขึ้นเวลาเดินทางเปลี่ยนที่ หรือเวลาการนอนเปลี่ยน (Jet lag)
- ในคนทั่วไปสามารถทานได้ เพราะเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้หลับลึกหลับดีขึ้น
- ถ้ามีปัญหาหลับยากแนะนำให้อมใต้ลิ้น ก่อนนอนใน 15 นาที ช่วยให้หลับได้ไวขึ้น
- ถ้ามีปัญหาตื่นกลางดึก ให้กินแบบเป็นเม็ดก่อนนอนควบคู่กัน

Pharmaceutical ที่สามารถเพิ่มฮอร์โมนเมลาโทนิน ที่หมอนกอยากแนะนำ จากคนไข้ที่มีปัญหาการนอนหลับได้มาปรึกษา จนได้ลอง Let’s Relax เสียงตอบรับดีมาก กลับมาซื้อซ้ำ จนบอกว่าหมออย่าเลิกผลิตนะคะ
เลยให้โอกาสตัว Let’s Relax มาช่วยดูแลสุขภาพของคนไข้ค่ะ
จากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนในปัจจุบัน ส่งผลรบกวนการสร้างฮอร์โมนเมลาโทนิน (อ่านเพิ่ทเติมเมลาโทนิน) ที่จะถูกกระตุ้นให้หลั่งจากสมองเมื่อไม่มีแสงสว่าง โดยมากหลั่งออกมาตั้งแต่ช่วง 2-3 ทุ่ม เมลาโทนินเป็นฮอร์โมนตัวแรกในกระบวนการนอนหลับ ทำให้เรานอนหลับดี แต่เมื่อเราเปิดไฟ ทำงานจนดึก ดูมือถือ เล่นเกมส์ มีแสงไฟรบกวนตลอด จะทำให้ฮอร์โมนไม่หลั่งออกมาทำให้ไม่ง่วง นอนหลับยาก และยิ่งอายุมากขึ้นเมลาโทนินก็สร้างน้อยลง
การกินLet’s Relax จะช่วยให้ร่างกายสร้างฮอร์โมนเมลาโทนิน และช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้น และยังได้ประโยชน์เรื่องอื่นอีก (อ่านเพิ่มเติม)


มีคำถาม ไขข้อสงสัย?
เราดูแลทั้งเรื่องความงาม การปรับรูปหน้า การให้วิตามินเฉพาะบุคคล รวมถึงการตรวจสุขภาพเชิงชะลอวัย การปรับสมดุลฮอร์โมน รวมถึงการใช้เซลล์บำบัด placenta และ stem cell
- 093 448 4000
- chrio.clinic@gmail.com