โปรแกรมตรวจหาค่าวิตามินดี พร้อมฉีดวิตามินดี เพิ่มภูมิต้านทาน

Vitamin D injection in Bangkok by Dr.Nok Chrioclinic

เนื่องจากวิตามินดี จำเป็นต้องใช้ในทุกเซลล์ ทุกอวัยวะ และเกี่ยวโยงกับหลากหลายระบบในร่างกาย ดั่งข้างต้น การขาดวิตามินดี นำไปสู่การเกิดโรคต่างๆ เช่น ภูมิต้านทานต่ำ ไม่แข็งแรง ป่วยง่าย โรคกระดูกพรุน โรคเรื้อรังต่างๆ โรคหัวใจและความดัน ท่านใดที่มีความดันสูงและมีภาวะขาดวิตามินดี ยิ่งมีความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจเป็น 2 เท่า การขาดวิตามินดี ยังทำให้เกิดโรคมะเร็ง และภาวะซึมเศร้าได้อีกด้วย

ส่วนมากอาการขาดวิตามินดี อาจไม่ค่อยชัดเจนมากนัก และเมื่ออายุมากขึ้น วิตามินดีจะค่อยๆน้อยลงตามวัย

แล้วเราจะรู้อย่างไรว่าเราขาดวิตามินดี >> สามารถตรวจเลือดเพื่อทราบระดับวิตามินดีในร่างกาย ส่วนมาก 50-60% ของคนไทย มีภาวะพร่องวิตามินดี

วิตามินดี จำเป็นต่อร่างกาย มากกว่าที่คิด

เชื่อไหมคะ? วิตามินดี จำเป็นต่อร่างกายของเรามากกว่าที่คุณจะนึกคิดได้เลย วิตามินดีคือราชาของภูมิต้านทานเลยก็ว่าได้ โดยจะทำงานประสานกับระบบภูมิคุ้มกัน ลดอาการภูมิแพ้ ผื่นแพ้ แผ้ภูมิตนเอง
ลดความเสี่ยงมะเร็ง เป็นตัวกลางสำคัญในการสร้างฮอร์โมนเพศ ลดกระดูกพรุน ลดความเครียด ซ่อมแซมเซลล์ ลดความดันโลหิต และช่วยเผาพลาญน้ำตาล

มีงานวิจัยออกมาอย่างต่อเนื่องถึงความเชื่องโยงระหว่างวิตามินดีกับโรคอื่น ๆ เช่น ภาวะติดเชื้อ ต้นตอของมะเร็ง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ตะคริว ภาวะซึมเศร้า ภาวะดื้ออินซูลิน มีความเชื่อมโยงกับการขาดวิตามินดีอย่างมีนัยสำคัญ

หากขาดวิตามินดี จะเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย เป็นผื่นแพ้ง่าย เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง ฮอร์โมนตก กระดูกพรุน น่าเสียดายที่วิตามินดีไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก หรือไม่ได้รับความนิยมมากในประเทศไทย แต่ในช่วงที่ Covid-19 ระบาด วิตามินดีจึงได้รับการพูดถึงและได้รับความนิยมที่เพิ่มมากขึ้น

วิตามินดีมีประโยชน์อย่างไร? ช่วยอะไร?

ช่วยทำให้เม็ดเลือดขาวทำงานได้ดีขึ้น เพิ่มความสามารถกำจัดเชื้อโรคในร่างกายได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากขึ้น มี Vitamin D Receptor (ตัวรับที่จับกับวิตามินดี) บน T cell และ B cell ซึ่งเป็นเซลล์เม็ดเลือดขาว ที่กำจัดสิ่งแปลกปลอม ที่เข้ามาคุกคามร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส รวมถึงเซลล์มะเร็ง
วิตามินดีช่วยยับยั้งการสร้างสารก่อการอักเสบ ไม่ให้เกิดการผลิตและการหลั่งไซโตไคน์ (Cytokines สารที่หลังโดยเซลล์ในระบบภูมิคุ้มกัน) มากจนเกินไป ที่ทำให้เกิดติดเชื้อรุนแรง ลดโอกาสการเสียชีวิต ควบคุมเม็ดเลือดขาวทุกชนิดในระบบภูมิต้านทาน ให้ทำงานไม่งานผิดปกติ ไม่ทำลายเซลล์ของตัวเอง ช่วยให้ไม่แพ้ภูมิตนเอง
วิตามินดีช่วยลดผิวหนังอักเสบ ผดผื่นแพ้คัน เพราะช่วยในการแบ่งเซลล์ ซ่อมแซมเซลล์ที่สึกหรอ เช่น ในเซลล์ผิวหนัง จะทำให้ผิวหนังแข็งแรงขึ้น
ทีมนักวิจัยของ Queen Mary University of London ยืนยันว่า วิตามินดีช่วยลดความเสี่ยงการเป็นไข้หวัด และโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ และจะช่วยส่งเสริมให้หายจากการติดเชื้อได้

ปัจจุบันมีงานวิจัยมากมายว่า วิตามินดีช่วยต้านโรคมะเร็ง เช่น มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งเต้านม และมะเร็งต่อมลูกหมาก ซึ่งระดับวิตามินดีที่แนะนำคือ 70ng/ml

กระตุ้นการสร้าง และการทำงานของเม็ดเลือดขาว ในการกำจัดเซลล์ที่ผิดปกติ ไม่ให้เติบโตและแบ่งตัว
ภาวะขาดวิตามินดี เพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งมากกว่า 20 ชนิด
ผู้หญิงที่วิตามินดีต่ำ ความเสี่ยงมะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้นถึง 5 เท่า และมะเร็งกระจายตัวเร็วกว่า อัตราการเสียชีวิตมากกว่า
การเสริมวิตามินดี ยิ่งเร็วยิ่งดี จึงช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งได้ 20-40%
คนไข้ที่เป็นมะเร็ง วิตามินดีช่วยลดความรุนแรง การลุกลามของมะเร็ง ชะลอการดำเนินโรค และลดอัตราการเสียชีวิตได้

ตากแดดเป็นประจำ ทำไมวิตามินดีต่ำ?

คนไทยส่วนใหญ่มีภาวะขาดวิตามินดี มากถึง 50-60% ทั้งในผู้ใหญ่และเด็ก เกิดจากวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป คนส่วนใหญ่มักทำงานอยู่ในห้อง ทำให้การสัมผัสแสงแดดลดลง และทาครีมกันแดดกันมากขึ้น ทำให้เราได้รับวิตามินดีจากแสงแดดได้น้อย ร่างกายจึงสร้างวิตามินดีได้น้อยลง ทำให้เราเกิดภาวะพร่องวิตามินดี ขาดวิตามินดี หรือวิตามินดีต่ำ ได้โดยที่เราไม่รู้ตัว
คนไข้ที่เข้ารับการตรวจระดับวิตามินดีมีค่าวิตามินดีต่ำกว่าเกณฑ์มากถึง 80-90% และที่น่าแปลกใจคือคนอายุ 30-40 พบกับภาวะขาดวิตามินดีอย่างมาก และเด็กที่ป่วยบ่อยๆ เข้าโรงพยาบาลบ่อยๆ มีแนวโน้มขาดวิตามินดี ให้ลองสังเกตสัญญาณเตือนต่าง ๆ ว่าคุณอาจขาดวิตามินดี เช่น ปวดเมื่อยตามตัว อ่อนเพลีย หรือเริ่มมีอาการซึมเศร้า
ภาวะขาดวิตามินดีจึงกลายเป็นวิกฤตสุขภาพที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ พยายามกระตุ้นเตือนให้คนออกมาโดนแสงแดด ซึ่งแสงแดดที่เหมาะสม ควรจะเป็นแสงแดดในเวลา 12.00 – 14.00 น. ระยะเวลา 10-20 นาที จึงจะได้รับปริมาณรังสี UVB ที่เพียงพอ หรืออย่างน้อยควรได้รับวิตามินดีเสริม 10 ไมโครกรัม (2 เท่าของปริมาณที่กระทรวงสาธารณสุขแนะนำให้ควรได้รับต่อวัน) แต่ในบางคนอาจยังได้รับไม่เพียงพอ และเมื่ออายุเพิ่มขึ้นการสังเคราะห์วิตามินดีก็จะน้อยลงตามไปด้วย

การตรวจวิตามินดี (25-hydroxy-vitamin D) เพื่อดูว่าเราต้องเสริมวิตามินดีในปริมาณเท่าไร เพื่อทำให้สามารถรู้ระดับวิตามินดีในร่างกาย หากวิตามินดีต่ำกว่าเกณฑ์ปกติ สามารถเพิ่มระดับวิตามินดีให้เข้าสู่ระดับปกติได้ผ่านทางการตากแดดเพิ่มขึ้น การกินอาหารที่มีวิตามินดี หรือวิตามินดี3สังเคราะห์ รวมถึงการฉีดวิตามินดี ในกรณีที่ระดับวิตามินในร่างกายต่ำมาก

วิตามินดี จะช่วยดึงแคลเซียมในเลือดให้ไปอยู่ที่กระดูก ทำงานร่วมกับวิตามินเค (Vitamin K) ทำให้ความหนาแน่นกระดูกดีขึ้น ในผู้สูงอายุเมื่อล้ม จะช่วยลดการเกิดกระดูกหัก ทำให้มัดกล้ามเนื้อมีความแข็งแรง ก้าวเดินได้ดี ช่วยลดการอักเสบของกล้ามเนื้อ ข้อต่อ ลดอาการเมื่อยล้า ลดอักเสบของกล้ามเนื้อ เพิ่มความแข็งแรง และทนทานของกล้ามเนื้อ สามารถรับแรงกระแทกได้ดีขึ้น

งานวิจัย กลุ่มคนที่เป็นซึมเศร้ามีระดับวิตามินดีต่ำกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยยะสำคัญ และกลุ่มที่วิตามินดีต่ำเป็นซึมเศร้ามากกว่ากลุ่มที่มีวิตามินดีสูงถึง 121% วิตามินดีช่วยให้สมองหลั่งสารสื่อประสาทเซโรโทนิน Serotonin ช่วยให้ผ่อนคลาย ลดความเครียด

วิตามินดีระดับต่ำ อาจส่งผลต่อการควบคุมอารมณ์ การตัดสินใจ และพฤติกรรม
วิตามินดี ไม่ใช่ยารักษาโรคซึมเศร้า แต่การเพิ่มวิตามินดี มีส่วนช่วยในการควบคุมอารมณ์ และเพิ่มคุณภาพการนอนหลับได้
ผลวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์ในวารสาร The Journal of Post-Acute และ Long-Term Care Medicine (JAMDA) ที่ศึกษาเกี่ยวกับการขาดวิตามินดีของคนในช่วงปลายชีวิต มีความเสี่ยงเกิดภาวะซึมเศร้าเพิ่มขึ้น 75% ดังนั้นจึงควรเสริมวิตามินดีให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

หากวิตามินดีต่ำการสร้างฮอร์โมน์โมนก็จะลดน้อยตามไปด้วย การเพิ่มวิตามินดีจึงช่วยลดอาการวัยทอง ช่วยเรื่องการมีประจำเดือน ปรับสมดุลฮอร์โมน อารมณ์สุขุมขึ้น สดชื่น สมรรถภาพทางเพศดีขึ้น อารมณ์ดีขึ้น ไม่หงุดหงิดง่าย ตัดสินใจได้ดีขึ้น มั่นใจในตัวเองมากขึ้น มวลกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น ระบบเผาผลาญดีขึ้น หลอดเลือดต่างๆ ทำงานดีขึ้น

วิตามินดีจะลดการสร้างสารเรนิน ที่สร้างจากไต เพื่อช่วยในการควบคุมความดันโลหิตของร่างกายให้ดีขึ้น

คนที่ขาดวิตามินดีมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 มากกว่าคนทั่วไป ทำให้ร่างกายสามารถสร้างอินซูลิน เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกายได้ดีขึ้น

ถ้าร่างกายขาดวิตามินดี ทำให้เกิดผลเสียอย่างไร ?

อาการขาดวิตามินดี เป็นอย่างไร ?

วิตามินดี มาจากไหน? วิตามินดี อยู่ในอาหารประเภทใดบ้าง? ได้จากอะไร?

จะเพิ่มวิตามินดีได้อย่างไรบ้าง?

วิตามินดีพบได้ในอาหาร ได้แก่ น้ำมันตับปลา ปลาทะเล ปลาทูน่า ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน ปลาเทราต์ ไข่แดง นม วิตามินดีจากอาหารจะได้ในรูปแบบ D2 ร่างกายต้องเปลี่ยนเป็น D3 ที่ไต การทานอาหารส่วนมากมักจะไม่เพียงพอ สามารถกินเสริมในแบบรูปแบบวิตามินได้
วิตามินดี ได้มาจากแสงแดด เมื่อผิวหนังได้รับรังสี UVB วิตามินดีจะถูกสร้างได้เองในชั้นผิวหนัง และถูกส่งไปที่ตับ เพื่อเปลี่ยนเป็นวิตามิน D2 และส่งไปที่ไต เพื่อเปลี่ยนเป็นวิตามิน D3 ที่พร้อมจะใช้งาน (วิตามิน D3เป็นรูปแบบที่เป็น Active form )
ช่วงเวลาที่แนะนำคือ 12.00 – 14.00 น. ควรจะใช้เวลาให้ร่างกายได้กระทบกับแสงแดดวันละ 10-20 นาที แต่ก็จะเสี่ยงต่อการเกิดฝ้ากระ
การรับประทานวิตามินดีในรูปของอาหารเสริม แนะนำให้ทานวิตามินดี เพราะคนส่วนมากจะขาดวิตามินดี และกินจากอาหารอย่างเดียวไม่เพียงพอ แนะนำการกินวิตามินดีในรูปแบบวิตามิน D3 ที่เป็น Active form ปัจจุบันมีปริมาณ 1,000iu 2,000iu 5,000iu และ 10,000iu แนะนำเป็นรูปแบบ Soft gel จะดูดซึมได้ดี ซึ่งแต่ละคนเหมาะจะทานในขนาดที่แตกต่างกันไป เพื่อการรักษาที่ถูกต้องและผลลัพธ์ที่ดีควรปรึกษาแพทย์และตรวจระดับวิตามินดีในเลือดก่อนเสริมวิตามิน / วิตามินดีกินตอนไหน? กินทุกวันได้ไหม? แนะนำกินตอนเช้าหลังอาหาร สามารถกินทุกวันได้ วันละ 1 เม็ด ตามขนาดที่คุณหมอแนะนำ
ฉีดวิตามินดีเข้ากล้ามเนื้อ กรณีมีภาวะขาดวิตามินดี ขนาดยาฉีดคือ 300,000iu ฉีดบริเวรกล้ามเนื้อสะโพก ควบคู่กับการทานวิตามินดีเสริม จะฉีดมากน้อยขึ้นกับปริมาณวิตามินดีในร่างกาย ที่ได้จากการตรวจเลือดเพื่อหาระดับวิตามินดี

การฉีดวิตามินดีจำเป็นหรือไม่? และเหมาะกับใคร?

การฉีดวิตามินดี จำเป็นอย่างยิ่ง สำหรับผู้ที่มีภาวะพร่องวิตามินดี หรือภาวะขาดวิตามินดี (วิตามินดีในเลือดต่ำกว่า 20ng/ml) และผู้ที่มีระดับวิตามินดีต่ำกว่าเกณฑ์ (20-30ng/ml) โดยมากคนไข้ที่มาตรวจสุขภาพ 80-90% มีค่าวิตามินดีต่ำกว่าเกณฑ์

พบมากในผู้สูงอายุ ผู้หญิงที่มีบุตร ผู้หญิงที่หมดประจำเดือน แต่ในปัจจุบันพบผู้หญิงแลพผู้ชายแม้อายุไม่มากก็พบภาวะพร้องวิตามินดีค่อนข้างมาก ควรได้รับการรักษาโดยการฉีดวิตามินดีเข้าสู่ร่างกาย เพราะสามารถเพิ่มปริมาณวิตามินดีในเลือดได้รวดเร็วกว่าการกินวิตามินดีเสริมเพียงอย่างเดียว

การฉีดวิตามินดี ช่วยเรื่องอะไร?

วิตามินดีเป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน จึงสามารถสะสมในร่างกาย ไม่ได้ขับออกทางปัสสาวะ ทำให้หลายคนกังวลเกี่ยวกับการกินและการฉีดวิตามินดี กลัวว่าจะเกิดโทษ หรือวิตามินดีเกินขนาด โดยมากไม่ค่อยพบภาวะวิตามินดีเกิน มักพบภาวะวิตามินดีขาดมากกว่า

แต่เพื่อความปลอดภัย แพทย์จะเป็นผู้แนะนำปริมาณในการฉีดวิตามินดี ประเมินจากประวัติและค่าวิตามินดีในเลือด ว่าควรฉีดความถี่และปริมาณเท่าไหร่

การฉีดวิตามินดี ในปริมาณและความถี่ที่เหมาะสม ไม่ทำให้เป็นอันตรายใดๆต่อร่างกาย โดยการฉีดเข้าที่บริเวณสะโพก การฉีดวิตามินดีจึงจำเป็นอย่างมากที่ต้องฉีดโดยแพทย์และฉีดในปริมาณที่เหมาะสม

นอกจากการการตรวจวิตามินดีแล้ว การฟื้นฟูดูแลสุขภาพจะต้องรักษาควบคู่กันหลายระบบ เช่นการตรวจระดับฮอร์โมนในร่างกาย การตรวจเลือดพื้นฐานตัวอื่นๆ เพื่อวางแผนการรักษา การทานวิตามิน การฉีดวิตามิน เกลือแร่ ฮอร์โมน รวมถึงการรักษาด้วย Placenta และ Stem Cells

ฉีดวิตามินดีที่ไหนดี? เสริมวิตามินดีที่ไหนดี?

แนะนำที่ ไครโอคลินิก ในกรุงเทพ สาขาบางนา-ราม2 โทร 092-647-3400 และ
สาขาปุณณวิถี BTS ทางออก 5 โทร 093-448-4000
(Chrio Clinic in Bangkok at Bangna-Ram2 and Punnawithi BTS Exit 5)

ที่ไครโอคลินิก มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และมีแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องวิตมินดี (doctor specialization in anti-aging and hormones)

ที่ไครโอคลินิก คุณหมอนกดูแลคนไข้แบบองค์รวม ให้คำปรึกษาแต่ละเคสว่าควรตรวจอะไรบ้าง และวางแผนการดูแลสุขภาพแบบต่อเนื่อง แพทย์จะประเมินปริมาณและความถี่ในการฉีดวิตามินดี และมีการตรวจเลือดซ้ำหลังการรักษา
ที่ไครโอคลินิก คุณหมอนกมีความเป็นกันเอง คุณหมอให้เวลาในการปรึกษาได้อย่างเต็มที่ และให้คำปรึกษาที่ชัดเจน
ที่ไครโอคลินิก เรามีบริการที่จะช่วยฟื้นฟูระดับวิตามินดีของคุณอย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย
ที่ไครโอคลินิก เสริมวิตามินดี ราคาสมเหตุสมผล

หากวันนี้ท่านมีคำถาม หรือข้อสงสัยสามารถติดต่อ จองคิวปรึกษาคุณหมอนก เพื่อให้คนไข้ทุกคนสามารถประเมิณว่าควรต้องตรวจวิตามินดีหรือไม่ หรือต้องฉีดกี่ครั้ง คุณหมอจะช่วยวิเคราะห์และประเมินอาการเบื้องต้นให้ค่ะ

คลิกทำการนัดหมายเพื่อตรวจหาค่าวิตามินดี ในวัน เวลาที่ท่านสะดวก

แนวทางในการรักษา (Our Approach)

การฉีดวิตามินดีที่ไครโอคลินิก มีขั้นตอนดังนี้

สอบถามประวัติ พฤติกรรม ความเสี่ยงในการขาดวิตามินดี อาการของการขาดวิตามินดี

นัดหมายเพื่อตรวจหาค่าวิตามินดีครั้งที่ 1
การตรวจค่าวิตามินดีในเลือด ราคา 3,000 บาท เพื่อประเมินปริมาณ ความถี่ และจำนวนครั้งในการฉีด
แปลผลเลือด แปรผลวิตามินดี และพูดคุยกับคุณหมอเพื่อปรับระดับวิตามินดี
แปลผลวิตามินดี วางแผนการรักษา ตามระดับวิตามินดีและความคาดหวังของคนไข้ ประเมินว่าใช้วิตามินดีประเภทใด หากฉีดต้องฉีดจำนวนกี่เข็ม คุณหมอแนะนำเรื่อง การการเสริมวิตามินดี รวมถึงการเสริมแร่ธาตุที่จำเป็นกับร่างกาย พร้อมแนะนำการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน การนอน เพื่อเป็นการรักษาแบบองค์รวมและยั่งยืน
ฉีดวิตามินดีครั้งละ 300,000 IU
ฉีดเข้ากล้ามเนื้อสะโพก ใช้เวลา10-15 นาที ฉีดเดือนละ1 ครั้ง หรือขึ้นกับการพิจารณาของแพทย์ การฉีดวิตามินดี 1 เข็ม ราคาเพียง 3,990.- การฉีดวิตามินดี 4 เข็ม ราคาเพียง 14,000.-
กินวิตามินดีควบคู่กันไป
โดยแนะนำแบบ softgel ขนาด 1000iu-5000iu ต่อวัน
นัดติดตาม ตรวจหาค่าวิตามินดีอีกครั้ง
นัดเพื่อตรวจค่าวิตามินดีในเลือดซ้ำหลังการฉีดวิตามินดีควบคู่กับการกิน 3-6 เดือนหลังการรักษา

ลดทันที 20% สำหรับลูกค้าบนเว็บฯ